บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้
มีการอ้างอิง 9 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 13,930 ครั้ง
คุณเคยอยากถามคำถามใครแต่ไม่แน่ใจว่าเขาจะตอบไหมหรือเปล่า เกม “21 คำถาม” เป็นเกมที่น่าเล่นมากๆ หากคุณพยายามจะทำความรู้จักกับใครสักคน มีกลุ่มเพื่อนที่อยากทำความรู้จักกันและกันให้มากขึ้น หรือมีคนรักที่คุณอยากเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเขาให้มากขึ้น เกมนี้ไม่เหมือนเกม “20 คำถาม” ทั่วไปตรงที่คำถามพวกนี้ออกแบบมาเพื่อให้เป็นการถามเรื่องส่วนตัว และต้อง (หลังจากที่คนๆ นั้นตกลงที่จะเล่นแล้ว) ตอบคำถามแบบหมดเปลือกและซื่อสัตย์
ขั้นตอน
-
เลือกคนที่จะมาตอบคำถาม. จุดประสงค์ของเกมก็คือการถามคำถามใครสักคน (จะเป็นคนๆ เดียวโดดๆ หรือสมาชิกในกลุ่มสักคนก็ได้) 21 คำถาม ซึ่งคนตอบจะต้องตอบทุกข้ออย่างซื่อสัตย์ แม้ว่าคุณจะเล่นเกมนี้กับเพื่อนที่คุณรู้จักกันมาสักพักแล้วก็ได้ แต่เกมนี้มักจะเหมาะกับการเลือกใครสักคนที่คุณไม่ได้รู้จักดี หรือคนที่คุณอยากรู้จักเขาในระดับที่ลึกซึ้งขึ้นมากกว่า
- ถ้าคุณไม่ได้มีคนที่คุณเพิ่งรู้จักหรือมีคนที่เพิ่งจีบๆ กันอยู่ ให้ปรับคำถามไปในทางที่คุณจะได้รู้จักกับคนๆ นั้นอย่างลึกซึ้งขึ้น
-
ระบุว่าคุณอยากรู้อะไรบ้าง. พอคุณเลือกคนที่จะมาตอบคำถามได้แล้ว ให้ระบุว่าคุณอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง ถ้าคุณเลือกเพื่อน คุณอยากรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของเขาให้มากขึ้น หรือคุณสนใจแผนการในอนาคตของเขามากกว่า ถ้าคุณเลือกคนรัก คุณอยากรู้เรื่องความรักที่ผ่านมาของเขา หรืออยากรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับความสัมพันธ์[1]
- ถ้าคุณเล่นเป็นกลุ่ม คุณก็อาจจะกำหนดประเภทของคำถามร่วมกันก็ได้ ซึ่งแต่ละคนก็อาจจะได้ประเภทของคำถามไม่เหมือนกัน หรืออาจจะมีตีมใหญ่ของเกมก็ได้
-
เขียนรายการคำถาม. วิธีการเล่นมีอยู่ 2 แบบ แบบแรกก็คือให้คนถามถามอะไรก็ได้ที่นึกออกและถามแบบสุ่ม แบบที่สองคือให้คู่ (หรือกลุ่ม) เขียนรายการคำถามที่จะนำไปถามแต่ละคนอีกที[2]
- การเขียนคำถามเอาไว้ล่วงหน้าเป็นทางเลือกที่ง่ายกว่า เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าจะเจอคำถามอะไรและมีแนวโน้มที่จะยินดีตอบคำถามมากกว่า การถามคำถามแบบสุ่มอาจจะเป็นทางเลือกที่สนุกกว่า แต่ก็สุ่มเสี่ยงต่อการถามคำถามที่ส่วนตัวเกินไปหรือไม่เหมาะสมมากกว่า
-
คำนึงถึงสถานการณ์. ถ้าคุณตัดสินใจเล่นเกมนี้กับคนแปลกหน้าหรือคนรู้จักที่เจอกันในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง คุณอาจจะพิจารณาถึงสถานการณ์ด้วยเวลาที่ตั้งคำถามบางคำถามหรือทุกคำถาม
- ถ้าคุณไปพบปะกับสมาชิกกลุ่มหนังสือหรือกลุ่มนักเขียน คุณก็อาจจะถามคำถามประมาณว่า “หนังสือเล่มโปรดของคุณคืออะไร” หรือ “ถ้าคุณสามารถเป็นตัวละครในนิยายจากหนังสือเล่มไหนก็ได้ คุณจะเป็นใคร”
- ถ้าคุณไปพบปะกับกลุ่มคนในโบสถ์ คุณก็อาจจะถามคำถามต่อไปนี้ “คุณชอบโคลงกลอน/เรื่องราวไหนในพระคัมภีร์ไบเบิล” หรือ “คุณเริ่มสนใจเรื่องศาสนาครั้งแรกเมื่อไหร่”
- ถ้าพบปะกับคนใหม่ๆ ที่งานเปิดตัวร้านกาแฟ คำถามของคุณก็อาจจะเป็น “ขนมที่คุณชอบกินคู่กับกาแฟคืออะไร” หรือ “คุณจะยอมงดกาแฟหนึ่งเดือนหรือยอมไม่อาบน้ำหนึ่งอาทิตย์”
-
แสดงการให้เกียรติ. แม้ว่าหลายคนที่เล่นเกม 21 คำถามจะใช้เกมนี้เป็นวิธีในการถามเซ้าซี้หรือไม่ก็ถามคำถามที่ไม่เหมาะสม แต่คุณก็ต้องเคารพความเป็นส่วนตัวของคนที่ถูกถามด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้ากลุ่มคน ถ้าเขาอยากจะเลี่ยงไม่ตอบคำถามหรือตอบแบบคลุมเครือ ก็ปล่อยเขาไป
- หลักการสำคัญคือสิ่งที่ต้องนึกไว้ในใจเสมอเวลาที่เล่นเกมนี้ ปฏิบัติต่อคนที่ถูกถามแบบเดียวกับที่คุณอยากให้คนอื่นปฏิบัติกับคุณเมื่อคุณเป็นฝ่ายตอบคำถาม
-
ระบุคำถามที่ล้ำเส้น. บางคำถามก็ไม่ควรถามไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม ก่อนจะเริ่มเล่นเกม ให้ระบุคำถามที่ไม่นึกถึงใจคนอื่น ไม่มีความคิด หรือหยาบคายมากเกินไป[3]
- คำถามเหล่านี้อาจจะเป็นประเภทคำถามกว้างๆ อย่างเซ็กส์และความสัมพันธ์ลึกซึ้ง หรืออาจจะเป็นคำถามแบบเจาะจง เช่น “คุณเคยก่ออาชญากรรมมั้ย”
- นอกจากนี้คุณยังสามารถกำหนดแนวทางเกี่ยวกับประเภทของคำถามจากตีมได้ด้วย เช่น ถ้าคุณเล่นเกม 21 คำถามที่กลุ่มเยาวชนคริสตจักร คุณอาจจะกำหนดว่า คำถามอย่างน้อยครึ่งหนึ่งจะต้องเป็นคำถามเกี่ยวกับศาสนา
-
กำหนดกติกาในการข้ามคำถาม. อาจจะมีบางคำถามที่เป็นการเซ้าซี้มากเกินไปหรือส่วนตัวมากเกินกว่าจะตอบได้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนไม่พอใจ ให้ตั้งกฎก่อนที่จะเริ่มเล่นเกม[4]
- กฎง่ายๆ ก็เช่น คนตอบสามารถข้ามคำถามได้ แต่จะต้องตอบคำถามอื่นแทน หรือคนตอบสามารถข้ามคำถามได้ แต่ก็จะหมดสิทธิ์ในการถามคำถามคนตอบคนถัดไป
โฆษณา
-
กำหนดลำดับ “คนตอบคำถาม”. ในการเล่นเป็นกลุ่มนั้น จะมีคนตอบคำถามหลายคนและคนถามคำถามหลายคน เพราะฉะนั้นคุณต้องเลือกวิธีที่ยุติธรรมในการกำหนดว่าใครตอบคำถามเป็นคนที่หนึ่ง คนที่สอง คนที่สามต่อไปเรื่อยๆ
- การทอยลูกเต๋าก็เป็นวิธีที่ดีในการกำหนดลำดับคนตอบ ให้แต่ละคนทอยลูกเต๋า และคนที่ได้แต้มน้อยที่สุดต้องตอบคำถามก่อน ตามด้วยคนที่แต้มน้อยรองลงมาต่อไปเรื่อยๆ
- นอกจากนี้คุณก็อาจจะใช้วิธี “เป่ายิ้งฉุบ” เพื่อกำหนดว่าใครเป็นคนตอบก่อน และเป่ายิ้งฉุบใหม่อีกครั้งก่อนเล่นเกมใหม่แต่ละเกม
- หรือคุณจะใช้ตำแหน่งการนั่งในวงกลมกำหนดลำดับคนตอบคำถามก็ได้ พอคนแรกตอบคำถามหมดแล้ว คนที่อยู่ซ้ายมือของคนตอบคำถามจะเป็นคนถัดไป และเป็นอย่างนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าทุกคนจะตอบคำถามหมดแล้ว
-
ผลัดกันถามคำถาม. เมื่อคุณรู้แล้วว่าใครจะเป็นคนตอบคำถามและเรียงลำดับคนตอบคำถามไว้แล้ว แต่ละคนในกลุ่มก็เริ่มผลัดกันถามคำถามได้เลย คุณอาจจะแบ่งคำถามตามจำนวนคนในกลุ่ม (เช่น กลุ่ม 3 คนสามารถถามคำถามได้คนละ 7 ข้อ) หรือคุณจะผลัดกันถามเป็นวงกลมแล้วให้แต่ละคนถามทีละคำถามก็ได้
- ถ้าจำนวนคนไม่สามารถหารด้วย 21 ได้ลงตัว ให้นั่งเป็นวงกลมแล้วให้คนใดคนหนึ่งเป็นคนเริ่มถามคำถาม รอบถัดไปก็ให้คนที่นั่งอยู่ซ้ายมือของคนๆ นั้นเป็นคนเริ่มถามคำถาม ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าทุกคนจะได้ถามคำถามเป็นคนแรก
-
เปลี่ยนคนตอบคำถาม. เมื่อคนตอบตอบคำถามครบทั้ง 21 ข้อแล้ว ก็อาจจะเปลี่ยนไปเป็นคนตอบคำถามคนถัดไปตามที่กำหนดไว้แล้ว หรือใช้เวลาสัก 1 นาทีในการกำหนดคนตอบคำถามคนใหม่ด้วยการเป่ายิ้งฉุบหรือโยนเหรียญโฆษณา
-
ตกลงเรื่องขอบเขตสำหรับก่อนและหลังจบเกม. เวลาที่คุณเล่นเกมกันแค่สองคน คุณก็อาจจะถามคำถามที่ส่วนตัวหรือลึกซึ้งกว่าเวลาที่คุณเล่นเป็นกลุ่ม ด้วยเหตุนี้ คุณทั้งคู่จึงควรตกลงขอบเขตสำหรับก่อนเล่นเกม (คำถามที่ล้ำเส้น) และสำหรับหลังเล่นเกม (เช่น “เราจะไม่ปฏิบัติต่อกันต่างไปจากเดิมหลังจากที่ตอบคำถามแล้ว”)
- เกมนี้อาจทำลายมิตรภาพและความสัมพันธ์ได้อย่างรวดเร็วหากไม่มีการเตรียมการป้องกันที่เหมาะสมไว้ก่อน อย่าถามคำถามที่แม้แต่ตัวคุณเองก็ไม่ได้อยากตอบจริงๆ
- ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าคำถามเหมาะสมหรือไม่ ก็แค่ถามและให้โอกาสอีกฝ่ายเลือกได้ว่าจะตอบคำถามหรือขอเปลี่ยนคำถามใหม่
-
เลือกว่าใครจะเป็นคนตอบคำถามก่อน. เวลาที่เล่นกันสองคน วิธีเลือกคนตอบคำถามคนแรกที่ง่ายที่สุดก็คือการโยนเหรียญ พอคุณโยนเหรียญแล้ว ก็ต้องเข้าใจว่าหลังจากที่อีกฝ่ายตอบคำถามหมดแล้ว คุณก็ต้องเป็นฝ่ายตอบคำถามบ้าง
- อย่าใช้เกมนี้เป็นวิธีที่จะรวบรวมข้อมูลและปฏิเสธที่จะเล่นหลังจากที่คนแรกตอบคำถามไปหมดแล้ว เพราะเกมนี้ควรจะเล่นแบบเท่าเทียมกันเสมอ
-
ถามคำถาม. ถามคำถาม 21 คำถามโดยใช้รายการคำถามล้ำเส้นที่ตกลงกันไว้ก่อนแล้วเป็นแนวทาง ถ้าคุณเล่นเกมนี้กับเพื่อน ให้ถามคำถามที่ทำให้คุณรู้จักเพื่อนมากขึ้น หรือถามเกี่ยวกับมิตรภาพและสิ่งที่เพื่อนชอบ ถ้าคุณเล่นเกมนี้กับคนรัก ให้ถามคำถามเกี่ยวกับชีวิต ภูมิหลัง ความสัมพันธ์ และความต้องการของเขา
- เกมนี้เหมาะสำหรับคู่รักที่เพิ่งคบกันและอยากจะรู้จักกันและกันมากขึ้นแบบง่ายๆ และรวดเร็ว
- นอกจากนี้เกมนี้ก็เหมาะกับการใช้ละลายพฤติกรรมคนที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ และควรเน้นไปที่คำถามพื้นฐานที่ช่วยให้ได้รู้จักกันมากขึ้นหรือคำถามไร้สาระมากกว่าคำถามที่ลึกซึ้งหรือส่วนตัว
-
เป็นฝ่ายตอบคำถามบ้าง. เมื่อคุณถามคำถามหมดแล้ว ให้ผลัดไปตอบบ้าง! ตอบคำถามเดียวกับที่คุณเป็นฝ่ายถาม หรือจะตอบคำถามใหม่เลยก็ได้ ตอบคำถามคนถามแบบเดียวกับที่เขาตอบคุณ และตอบคำถามอย่างซื่อสัตย์และกระชับ
- ถ้าคุณไม่สบายใจที่จะตอบคำถาม ให้ขอคำถามใหม่อย่างสุภาพ เพราะเกมนี้ควรจะเล่นกันสนุกๆ และไม่ควรนำไปสู่ความโกรธหรือความเจ็บปวดทางอารมณ์
โฆษณา
-
ถามคำถามพื้นฐาน. ในการเริ่มต้นถามคำถามนั้น ให้ถามคำถามพื้นฐานก่อน เช่น สีที่ชอบ คนดังที่แอบชอบคนแรก หรือถามว่าเขาโตที่ไหน ตอนแรกคุณต้องถามคำถามสั้นๆ ง่ายๆ ก่อนเพื่อสร้างความไว้ใจระหว่างคนถามและคนตอบ[5]
- ถามคำถามเกี่ยวกับ “ความชอบ” เช่น “อายุเท่าไหร่ที่คุณชอบ” “คุณชอบไปที่ไหน” “ส่วนไหนของการไปโรงเรียนที่คุณชอบ” “คุณชอบเดินทางโดยวิธีไหน”
- ถามคำถาม “ถ้าหาก” คุณสามารถถามได้ว่า “ถ้าหากคุณสามารถย้อนไปในช่วงเวลาไหนก็ได้ในอดีต” “ถ้าหากคุณบินได้ล่ะ” “ถ้าหากคุณมีนิ้วมืออยู่ที่เท้า และนิ้วเท้าอยู่ที่นิ้วมือล่ะ”
-
ต่อยอดจากคำถามที่ถามไปแล้ว. พอคุณอุ่นเครื่องด้วยคำถามพื้นฐานไปแล้ว คุณก็สามารถถามคำถามที่ส่วนตัวมากขึ้นกว่าเดิมได้ หรือคุณอาจจะแค่ต่อยอดจากคำถามที่คุณถามไปแล้วและคำตอบที่คุณได้รับก็ได้
- ในการต่อยอดจากคำตอบที่คุณได้รับ ให้นำคำตอบมาตั้งเป็นคำถามใหม่ เช่น “สิ่งที่คุณกลัวที่สุดคือแมงมุม แล้วคุณจะทำยังไงถ้าคุณย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านที่มีแมงมุมเต็มไปหมด”
- ในการต่อยอดถามคำถามที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น คุณก็อาจจะถามประมาณว่า “คนในอดีตหรือปัจจุบันที่คุณอยากพบมากที่สุดคือซูซาน บ. แอนโธนี ทำไมเธอถึงสำคัญกับคุณ”
-
ถามคำถามที่ต้องตอบแบบสร้างสรรค์. บางคำถามก็เป็นคำถามง่ายๆ (เช่น “หนังเรื่องโปรดของคุณคืออะไรและทำไม”) แต่ก็อาจจะมีบางคำถามที่ต้องคิดสักหน่อยก่อนตอบ แม้ว่าคุณจะถามคำถามจริงจัง ก็ให้ถามคำถามที่คนตอบต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือกึ๋นในการตอบ[6]
- ถามคำถามไร้สาระ เช่น “ช่างตัดผมให้ช่างตัดผมคนอื่นตัดผมให้หรือตัดผมเอง” หรือ “ถ้ารถพยาบาลบังเอิญชนคนบาดเจ็บระหว่างทางไปช่วยชีวิตคนอื่น หน่วยกู้ชีพจะช่วยใคร”
- คุณสามารถถามคำถามจริงจังได้เหมือนกัน เช่น “ถ้าโลกกำลังจะแตกและคุณสามารถช่วยชีวิตคนได้หนึ่งคน คุณจะช่วยใคร” หรือ “ถ้าความสัมพันธ์ของคุณเริ่มกระท่อนกระแท่น คุณจะทำอะไรเพื่อรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้”
-
ถามเกี่ยวกับครอบครัวและภูมิหลัง. ไม่ว่าคุณจะเล่นเกมนี้กับเพื่อนหรือคนรัก คุณก็สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับครอบครัวและภูมิหลังของอีกฝ่ายได้เสมอ การถามเกี่ยวกับครอบครัวช่วยให้คุณรู้จักนิสัยใจคอและประเพณีของอีกฝ่าย และการถามเกี่ยวกับภูมิหลังของเขายังช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรมหรือความคิดที่น่าสนใจของเขาอีกด้วย[7]
- สำหรับคำถามเกี่ยวกับครอบครัว ก็ให้ถามคำถาม เช่น “ใครเลี้ยงคุณมา” “ครอบครัวของคุณสนิทกันระหว่างที่คุณเติบโตมาหรือเปล่า” “คุณมีประเพณีพิเศษในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์หรือเปล่า”
- สำหรับคำถามเกี่ยวกับภูมิหลัง ก็ให้ถามคำถาม เช่น “คุณรู้หรือเปล่าว่าบรรพบุรุษของคุณมาจากไหน” “ช่วงที่คุณโตมาคุณได้เฉลิมฉลองวันหยุดนักขัตฤกษ์พิเศษๆ บ้างไหม”
- เวลาที่ถามคำถามเกี่ยวกับครอบครัวและภูมิหลัง อย่าลืมแสดงความอ่อนโยนด้วย เพราะทั้งสองเรื่องเป็นหัวข้อที่เป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ ต้องอาศัยความเมตตาและการเปิดใจ
-
ถามเกี่ยวกับความรักในอดีตและความสนใจ. คำถามเกี่ยวกับความรักในอดีตเป็นคำถามที่อาจจะไร้สาระ สนุก หรือให้ข้อมูลก็ได้ เวลาที่ตัดสินใจว่าคำถามเกี่ยวกับความรักในอดีตประเภทไหนที่คุณจะถาม ให้พิจารณาถึงบรรยากาศของเกมด้วย คุณเล่นเกมนี้เพื่อที่จะเชื่อมโยงกับอีกฝ่ายให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น หรือคุณแค่เล่นแก้เบื่อในวันหยุดสุดสัปดาห์[8]
- ถ้าคุณอยากจะเชื่อมความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น คุณอาจจะถามคำถาม เช่น “จูบแรกของคุณคือกับใคร” “เดตไหนที่เป็นเดตที่ดีที่สุดของคุณ และทำไมมันถึงเป็นเดตที่ดีที่สุด” “คุณมีสิ่งที่อยากทำในจินตนาการไหม”
- ถ้าคุณถามคำถามไร้สาระ คุณก็อาจจะถามคำถาม เช่น “จูบที่กระอักกระอ่วนที่สุดของคุณคือตอนไหน” “คุณเคยจามใส่หน้าคนที่คุณคุยๆ กันอยู่หรือเปล่า” “คุณควรรอนานแค่ไหนกว่าคุณจะสามารถผายลมต่อหน้าคนรักได้”
-
ถามเกี่ยวกับเป้าหมายและความปรารถนา. เวลาที่ถามคำถามเกี่ยวกับเป้าหมายและความปรารถนา คุณต้องละเอียดอ่อนประมาณนึง เพราะคุณต้องไม่หัวเราะหรือเห็นว่าความฝันของอีกฝ่ายเป็นเรื่องไร้สาระ เวลาถามคำถามประเภทนี้ คุณสามารถถามแบบสนุกๆ ได้ แต่อย่าล้อเลียนคำตอบของอีกฝ่าย[9]
- คำถามสนุกๆ ก็เช่น “ตอนคุณอายุ 5 ขวบคุณอยากเป็นอะไร” “คุณคิดว่าตัวเองจะอยู่ตรงไหนในอีก 10 ปีข้างหน้า” “วันข้างหน้าคุณอยากเป็นคนดังมั้ย”
- คำถามเกี่ยวกับเป้าหมายที่จริงจังมากขึ้นอาจจะเป็นคำถาม เช่น “สิ่งที่คุณอยากได้มากที่สุดในโลกคืออะไร” “ถ้าคุณสามารถทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินและการใช้ชีวิต คุณจะทำอะไรและเพราะอะไร”
โฆษณา
เคล็ดลับ
- แม้ว่าเกม 21 คำถามจะมีที่มาจากเกม 20 คำถาม แต่สองเกมนี้ไม่เหมือนกันเลย ในเกม 20 คำถาม คนจะผลัดกันถามคำถามเพื่อเดาว่าของสิ่งนั้นคืออะไร แต่ในเกม 21 คำถาม คนถามคำถามเพื่อให้รู้จักกันมากขึ้น
- ถ้าคุณไม่อยากตอบคำถามนั้น ก็เป็นไปได้ว่าคนอื่นจะไม่อยากตอบเหมือนกัน เพราะฉะนั้นให้ถามแต่คำถามที่คุณเองก็ไม่รังเกียจที่จะตอบด้วยเช่นกัน
- รักษาความยุติธรรมของเกมด้วยการผลัดไปเป็นคนตอบคำถามด้วยเสมอ
- คุณต้องแน่ใจว่าเขารู้สึกสบายใจกับสิ่งที่คุณถาม
คำเตือน
- เกมนี้ไม่ใช่โอกาสที่คุณจะได้เปิดโปงความลับหรือเรื่องน่าอายของใคร เกมนี้ควรจะเป็นวิธีที่ได้ทำความรู้จักใครสักคนแบบสนุกสนานและน่าสนใจ
- อย่าใช้เกมนี้เป็นอาวุธหรือเวลาที่คุณกำลังเถียงกับอีกฝ่าย เพราะคุณทั้งคู่อาจจะต้องเสียใจกับคำพูดของตัวเอง
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://conversationstartersworld.com/21-questions-game/
- ↑ http://www.seventeen.com/love/a30097/21-questions-to-ask-a-guy-game/
- ↑ http://www.uncommonhelp.me/articles/5-golden-keys-to-assertiveness-and-setting-boundaries/
- ↑ http://www.couplesinstitute.com/play-twenty-questions-with-your-partner/
- ↑ http://conversationstartersworld.com/questions-to-get-to-know-someone/
- ↑ http://www.planetofsuccess.com/blog/2017/good-questions-to-ask/
- ↑ http://www.tolerance.org/blog/how-do-i-ask
- ↑ http://www.huffingtonpost.com/2014/07/01/talking-about-your-ex_n_5533210.html
- ↑ https://www.mantelligence.com/good-questions-to-ask-to-get-to-know-someone/